ประวัติบริษัท
บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) “บริษัท” ก่อตั้งขึ้นในปี 2527 โดยกลุ่มธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ทุก ประเภท โดยเป็นการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ทั้งหมด แก่ลูกค้าในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต่อมาภายหลังบริษัทได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ การให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์
ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการที่สำคัญของบริษัทสรุปได้ดังนี้
พ.ศ. 2524 - 2533
จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 10 ล้านบาท โดยการอ อกหุ้นสามัญจำนวน 0.1 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท และเรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว
เพิ่มทุนโดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 0.4 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท และเรียกชำระมูลค่า 20 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียน เท่ากับ 50 ล้านบาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วเท่ากับ 30 ล้านบาท
2527
2531
พ.ศ. 2534 - 2543
เปิดสาขาแห่งแรกที่จังหวัดระยองเพื่อขยายฐานการดำเนินธุรกิจ โดยให้บริการลูกค้าทั้งในจังหวัดระยองและจังหวัดใกล้เคียง
เรียกชำระมูลค่าหุ้นอีก 20 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วเท่ากับ 50 ล้านบาท
บริษัท กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2532 โดยมีผู้ถือหุ้นหลัก คือ กลุ่มธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มไชลีสจากสาธารณรัฐไต้หวัน ดำเนินธุรกิจการให้สินเชื่อลีสซิ่ง สินเชื่อแฟคตอริ่ง และสินเชื่อ เช่าซื้อ ได้เข้า ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ร้อยละ 99.99
เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจากเดิม 50 ล้านบาทเป็น 60 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มจำนวน 0.1 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท
ขยายสาขาไปยังจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัด สมุทรสาครและจังหวัดใกล้เคียง
เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจากเดิม 60 ล้านบาทเป็น 160 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มจำนวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เพื่อนำเงินมาใช้ในการขยายการให้บริการสินเชื่อและพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานและบริการ
เริ่มให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว
เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจากเดิม 160 ล้านบาทเป็น 460 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยการออกหุ้นสามัญ จำนวน 3 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท
ร่วมก่อตั้งสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย (Thai Hire Purchase Association) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2543
2527
2535
2536
2537
2538
2541
2542
2543
พ.ศ. 2544 - 2553
เริ่มให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแก่ลูกค้าที่ทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัท โดยเสนอบริการเฉพาะกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระดี
ได้รับ ประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้ประกอบธุรกิจ ที่รักษาสิทธิผู้บริโภคด้านสัญญาโดย ใช้สัญญาที่เป็น ธรรมต่อผู้บริโภค
แปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2546
เริ่มให้บริการสินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์
เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 80 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 428 ล้านบาท
เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 80 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 428 ล้านบาท
เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 100 บาท เป็นราคาหุ้นละ 5 บาท ทำให้บริษัทมีหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้ว ทั้งสิ้น 85.60 ล้านหุ้น รวมเป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว 428 ล้านบาท
ปรับโครงสร้างการถือหุ้นทั้งหมดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2547 โดยบริษัทเข้าถือหุ้นร้อยละ 99.99 ในบริษัท กรุงเทพ แกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) ทำให้บริษัท กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) กลายเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
ขยายสาขาไปยังจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง
เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 147 ล้านบาท ทำให้มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 575 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 428 ล้านบาท
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2547 บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรม การกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการเสนอขายหุ้นสามัญแก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน จำนวน 6.4 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5.50 บาทและได้มี การเสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าว ในวันที่ 26-30 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 460 ล้านบาท
บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น โดยบริษัท แกรนด์ แปซิฟิค เคมีคอล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถือหุ้นของบริษัทจำนวน 33.80 ล้านหุ้น (คิดเป็นร้อยละ 36.74 ของทุนชำระแล้ว ณ 14 มิถุนายน 2548) ขายหุ้นทั้งหมดของบริษัทให้แก่บริษัท เอเค เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มคูด้วยกัน
บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ในการเสนอขายหุ้นสามัญ แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 23 ล้านหุ้น ในราคา 8.90 บาท และได้เสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าว ในวันที่ 16-18 สิงหาคม 2548 ซึ่ งทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นจาก 460 ล้านบาทเป็น 575 ล้านบาท และในวันที 25 สิงหาคม 2548 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรับหุ้นสามัญของบริษัทเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และทำการ ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก
บริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัท ตามสัดส่วนการ ถือหุ้น (Rights Offering) โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 115 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท และให้สิทธิในการจองซื้อ 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ (1:1) ในราคาเสนอขายต่อหุ้น 5.50 บาท และเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 1,150 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2549 และนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 10 ตุลาคม 2549
บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย ์และตลาดหลักทรัพย์ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้อายุ 3 ปี ให้กับผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ จำนวน 500,000 หน่วย มูลค่า ที่ตราไว้ราคาหน่วยละ (Par Value) 1,000 บาท เสนอขายในราคาหน่วยละ 1,000 บาท มูลค่าการเสนอขายรวมทั้งสิ้นจำนวน 500 ล้านบาท โดยบริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวใน วันที่ 14 พฤษภาคม 2553
2545
2546
2547
2548
2549
2553
พ.ศ. 2554 - 2563
บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น โดยบริษัทเอเคเอ็นเตอไพรส์(ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งถือหุ้นของบริษัทจำนวน 80.45 ล้านหุ้น (คิดเป็นร้อยละ 34.98 ของทุนชำระแล้ว ณ วันที่ 31 มกราคม 2555)ขายหุ้นจำนวน 22.00 ล้านหุ้น (คิดเป็นร้อยละ 9.57 ของทุน ชำระแล้ว ณ วันที่ 31 มกราคม 2555)ให้แก่ Chailease International (Malaysia) Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มคูด้วยกัน เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่มคู
บริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน ดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น(Rights offering) โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 115.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท และให้สิทธิในการจองซื้อ 2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้น สามัญใหม่ (2:1)ในราคาเสนอขายต่อหุ้น 10.00 บาทและเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 1,725.00 ล้าน บาทเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 และนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 8 มิถุนายน 2555
ปี 2556 ขยายสาขาอีก 3 สาขา ในจังหวัดเชียงราย จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดดังกล่าวและจังหวัดใกล้เคียง
บริษัทมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 1,725,000,000 บาท เป็น 1,759,500,000 บาท โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 34,500,000 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญจำนวน 6,900,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลในปี 2557
ขยายสาขาอีก 3 สาขา ในจังหวัดลำปาง จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอุดรธานี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดดังกล่าวและจังหวัดใกล้เคียง
ขยายสาขาอีก 2 สาขา ในจังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดสระแก้ว เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดดังกล่าวและจังหวัดใกล้เคียง
บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เอสเค อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (“SKIB”) เพื่อดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัย ด้วยทุนจดทะเบียน10,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท โดยบริษัทถือหุ้นร้อยละ 99.80
ขยายสาขาไปยังจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดใกล้เคียง
ขยายสาขาอีก 2 สาขา ในจังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดดังกล่าวและจังหวัดใกล้เคียง
ขยายสาขาไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดดังกล่าวและจังหวัดใกล้เคียง
บริษัทย่อย บริษัท เอสเค อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิต
ขยายสาขาไปยังจังหวัดชลบุรี และสงขลา เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในจังหวัดดังกล่าวและจังหวัดใกล้เคียง
2555
2556
2557
2559
2560
2561
2562
2563
พ.ศ. 2564 - 2565
ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 175.95 ล้านหุ้น และการจัดสรรหุ้นดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ทำให้ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 2,639.22 ล้านบาท
2064